การติดตั้งภาษา PHP เพิ่มเติม (ในที่นี้ทดสอบติดตั้งบน Windows XP SP2) 1. ก่อนอื่นให้ไปดาวน์โหลดตัวติดตั้ง php ได้ที่ http://www.php.net/downloads.php 2. คลิกเลือกดาวน์โหลดตัวติดตั้งแบบ zip package ในที่นี้ทดสอบ PHP เวอร์ชั่น php-5.1.2-Win32.zip 3. ทำการแตกไฟล์ด้วย WinRAR หรือ Winzip จะได้เป็น php-5.1.2-Win32 4. ทำการเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ php-5.1.2-Win32 เป็น php 5. ทำการคัดลอกโฟลเดอร์ php ไปใส่ไว้ในไดร์ฟ C:\ หรือไดร์ฟอื่นที่ต้องการ 6. ทำการสร้างโฟลเ้ดอร์มา 2 โฟลเดอร์คือ sessiontmp และ uploadtmp • sessiontmp ไว้สำหรับเก็บ session ชั่วคราวกรณีเราทำการเขียนโดยใช้ตัวแปร session เช่น ระบบ Login • uploadtmp ไว้สำหรับเป็นที่พักไฟล์ชั่วคราวกรณีเราเขียนโค้ดและมีการส่งหรือแนบไฟล์ไปด้วย 7. ทำการเปลี่ยนชื่อไฟล์์ php.ini-dist เป็น php.ini แล้วคัดลอกไปไว้ในโฟลเดอร์ C:\Windows
8. ใช้ Edit Plus หรือ Notepad แก้ไขไฟล์ C:\Windows\php.ini รายละเอียดที่ต้องแก้ไขมีดังนี้
9 . เข้าไปปรับแต่ง IIS เพิ่มเติม โดยเข้าไปคลิกที่แท็บ Home Directory 10 . คลิกปุ่ม Configuration... 11 . คลิกปุ่ม Add แล้วปรับค่าดังนี้ Executable : ทำการ Browse ไปเลือกไฟล์ php-cgi.exe ในโฟลเดอร์ C:\php Extension : เลือกนามสกุล .php 12 . คลิกที่ปุ่ม OK แสดงพาทตัวคอมไพล์ภาษา php ที่ถูกเพิ่มเข้ามาแล้ว 13. คลิกที่ปุ่ม OK 2 ครั้ง 14. คลิกปุ่ม Stop และ Start 1 รอบ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ทดสอบเขียนโค้ดภาษา PHP 1. เปิดโปรแกรม Edit Plus หรือ NotePad แล้วพิมพ์โค้ดดังนี้ test1.php (ดาวน์โหลดไฟล์นี้)
2. ตั้งชื่อไฟล์ว่า test1.php แล้วบันทึกไว้ในห้อง <drive:\>InetPub\wwwroot 3. เปิดเว็บบราวเซอร์เพื่อทดสอบ โดยพิมพ์ URL ดังนี้ http://localhost\test1.php ผลลัพธ์ที่ได้จากการรัน ์Note. กรณีต้องการไฟล์ Extension เพิ่มเติมให้ไปดาวน์โหลดที่ไซต์ php.net เช่น Collection of PECL modules for PHP 5.1.2 หลังการดาวน์โหลดมาแล้วให้ทำการแตกไฟล์แล้วคัดลอกไฟล์ *.dll ไปใส่ไว้ในโฟลเดอร์ C:\php\ext | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
การติดตั้ง MySQL ก่อนอื่นให้ไปดาวน์โหลดตัวติดตั้งได้ที่เว็บไซต์ http://dev.mysql.com/downloads/ (ในที่นี้ทดสอบติดตั้งบน Windows XP SP2) เว็บไซต์ http://dev.mysql.com/downloads 1. คลิกเลือกตัวติดตั้งแบบ Windows (x86) (เวอร์ชั่นที่ทดสอบเป็น mysql-5.0.18-win32.zip) *กรณีติดตั้งบน Windows Server 2003 64 bit ก็ให้คลิกเลือกดาวน์โหลดตัวติดตั้งแบบ 64 bit 2. ทำการแตกไฟล์ด้วย Winzip หรือ WinRAR 3. ดับเบิ้ลคลิกเข้าไปในห้องตัวติดตั้ง เสร็จแล้วให้เริ่มติดตั้งโดยการดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ setup.exe 4. ระบบแสดงข้อความต้อนรับสู่การติดตั้งให้คลิกที่ปุ่ม Next> 5. เลือกรูปแบบการติดตั้งแบบ Custom เสร็จแล้วคลิกที่ปุ่ม Next> 6. คลิกปุ่ม Change เพื่อเปลี่ยนห้องเก็บตัวติดตั้ง MySQL ให้เปลี่ยน Folder name จาก C:\Program Files\MySQL\MySQL Server 5.0\ เป็น C:\MySQL\MySQL Server 5.0\ 7. คลิกปุ่ม OK 8. คลิกปุ่ม Next> 9. คลิกปุ่ม Install เพื่อเริ่มติดตั้ง 10. ขณะทำการติดตั้ง MySQL Server 11. คลิกเลือก Skip Sign-up เสร็จแล้วคลิกปุ่ม Next> 12. คลิกเลือกที่ [ / ] Configure the MySQL Server now เพื่อเข้าสู่การปรับแต่งคอนฟิกเบื้องต้น เสร็จแล้วคลิกที่ปุ่ม Finish 13. ระบบจะนำเข้าสู่หน้าปรับแต่งค่าคอนฟิก MySQL (MySQL Server Instance Configuration Wizard 1.0.8) ให้คลิกที่ปุ่ม Next> เพื่อทำงานต่อ 14. คลิกเลือกออปชั่น Standard Configuration เสร็จแล้วคลิกที่ปุ่ม Next> 15. ที่ Service Name : ให้เลือกเวอร์ชั่น MySQL ที่ใช้งานอยู่ในที่นี้เลือก MySQL5 ให้คลิกเลือกที่ [ / ] Include Bin Directory in Windows PATH เสร็จแล้วคลิกที่ปุ่ม Next> 18. กำหนดรหัสผ่าน root ที่ต้องการ New root password : xxxx < รหัสผ่าน Confirm : xxxx < ยืนยันรหัสผ่าน [ / ] Enable root access from remote machines (กรณีต้องการใช้งาน MySQL จากเครื่องภายนอกแบบ Remote) 19. คลิกปุ่ม Next> 20. คลิกปุ่ม Exceute ระบบจะทำการปรับคอนฟิก เขียนไฟล์ my.ini และ Start Service 21. คลิกปุ่ม Finish
22. ห้องเก็บตัวติดตั้ง MySQL
ปรับแต่งไฟล์ my.ini
23. ทดสอบเข้าใช้งานฐานข้อมูล MySQL Start > Programs > MySQL > MySQL Server 5.0 > MySQL Command Line Client 24.ทำการป้อนรหัสผ่าน แล้วกดปุ่ม Enter ระบบจะนำเข้าสู่ Prompt ใช้งานโปรแกรม MySQL เป็น mysql> 25. คำสั่ง MySQL พื้นฐาน
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
การบริหารฐานข้อมูล MySQL ออนไลน์ด้วย phpMyAdmin phpMyAdmin เป็นเป็นโปรแกรมที่พัฒนามาจากภาษา PHP ลักษณะสคริปต์ ใช้ในการบริหารฐานข้อมูลออนไลน์ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ โดยทั่วไปท่านที่ใช้บริการ Hosting อยู่จะมีโปรแกรมนี้ใช้งานอยู่แล้ว ส่วนท่านที่ติดตั้ง PHP และ MySQL เองจำเป็นติดตั้งโปรแรมตัวนี้ด้วยตนเอง ขั้นตอน1. ก่อนอื่นให้ไปดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่ http://www.phpmyadmin.net เว็บไซต์ www.phpmyadmin.net เวอร์ชั่นที่ทดสอบเป็น phpMyAdmin-2.7.0-pl2.zip 2. ทำการแตกไฟล์ด้วย WinRAR หรือ Winzip 3. เข้าไปในโฟลเดอร์ที่แตกมา ให้ทำการเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ จาก phpMyAdmin-2.7.0-pl2.zip เป็น phpMyAdmin
4. คัดลอกโฟลเดอร์ phpMyAdmin ไปไว้ในห้องเก็บเว็บไซต์ C:\Inetpub\wwwroot\ 5. เข้าไปในโฟลเดอร์ C:\Inetpub\wwwroot\phpMyAdmin 6 ใช้ Editor ใดๆ (อาจใช้ EditPlus หรือ Notepad) เข้าไปแก้ไขไฟล์ config.default.php
7 . ทดสอบเข้าใช้งาน http://localhost/phpMyAdmin/ หรือ http://192.168.1.8/phpMyAdmin/ ้ หน้าตาโปรแกรม phpMyAdmin กรณีต้องการเปลี่ยนรายละเอียดเป็นภาษาไทย ให้คลิกภาษาที่ Language เป็น Thai (th-utf-8) หน้าตาโปรแกรม phpMyAdmin ภาษาไทย -------------------------------------------------------------------------- credit http://www.cmsthailand.com/docs/iis_php_mysql_phpmyadmin.html -------------------------------------------------------------------------- |
31 October 2012
การติดตั้ง PHP + MySQL+ phpMyAdmin เพิ่มใน IIS
24 October 2012
รวมเทคนิคการค้นหาไฟล์ที่ต้องการจากเว็บ Google
1.พิมพ์ชื่อเพลงที่ต้องการ .mp3+download
2.inurl:ชื่อไฟล์ที่ต้องการ filetype:ลักษณะไฟล์เช่น.rar,zip,.mp3ตัวอย่าง inurl:Winamp filetype:rar
3.” parent directory ”ชื่อเพลงที่ต้องการ.MP3 -xxx -html -htm -php -shtml -opendivx -md5 -md5sumsสามารถค้นหาได้หลายอย่าง เช่น.MP3 appz DVDRip Game
4.?intitle:index.of? mp3 ตรงนี้พิมพ์ชื่อ เพลง อัลบั้ม นักร้อง ที่ต้องการ
5.การค้นหา Crack,Serialพิมพ์ ชื่อโปรแกรมที่ต้องการ 94FBR
ทริปเล็กๆน้อยๆของ Google
1.Google จะใช้ and (และ) อยู่ในประโยคเสมอ เช่น ค้นหา harvest moon back to nature Google จะค้นหาแบบ harvest AND moon AND back… (พูดง่ายๆคือค้นหาแบบแยกคำ)
2. การใช้ OR (หรือ) คือการให้ Google หาข้อมูลมากขึ้นจาก คำA และ คำB (พูดง่ายๆ คือนำผลที่ได้ มารวมกันรวมกัน) วิธีใช้ พิมพ์ OR ด้วยตัวใหญ่ระหว่างคำที่ต้องการ เช่น vacation london OR paris คือหาทั้งใน London และ Paris
3. Google จะละคำทั่วๆไป (เช่น the, to, of) และตัวอักษรเดี่ยว เพราะจะทำให้ค้นหาช้าลง แต่ถ้าคำพวกนั้นสามารถช่วยให้หาข้อมูลง่ายขึ้น ก็ต้องใช้เครื่องหมาย + ช่วยโดยนำไปอยู่หน้าคำนั้น (ต้องเว้นวรรคก่อนด้วย) เช่น back +to nature หรือ final fantasy +x
4. Google สามารถกันขอบเขตการค้นหาให้เล็กลงด้วยการใช้ Advanced Search หรือ การค้นหา แบบพิเศษ ใน Google ภาษาไทย
5. Google สามารถตัดคำพ้องรูปได้โดยใช้เครื่องหมาย - ช่วยโดยการนำไปอยู่คำที่จะตัด เช่น คำว่า bass มี 2 ความหมายคือ เกี่ยวกับปลา และดนตรีเราจะตัดที่มีความหมายเกี่ยวกับดนตรีออกโดยพิมพ์ bass -music หมายความว่า bass ที่ไม่มีคำว่า music นอกจากนี้มันยังสามารถตัดอย่างอื่นได้อีก เช่น “front mission 3″ -filetype pdf หมายความว่า เรื่องเกี่ยวกับ front mission 3 แต่ไม่แสดงไฟล์ PDF
6. การค้นหาแบบทั้งวลี (คือการค้นหาทั้งกลุ่มคำ) ให้ใช้เครื่องหมาย ” ” เช่น “Breath of fire IV”
7. Google สามารถแปลเว็บภาษา Italian, French, Spanish, German, และ Portuguese เป็น ภาษาอังกฤษได้ (โดยคลิ้กที่คำว่า “Translate this page” ด้านข้างชื่อเว็บ)
8. Google สามารถหาไฟล์ในรูปแบบอื่นๆที่ไม่ใช่ HTML ได้ ประเภทไฟล์ที่รองรับคือ
Adobe Portable Document Format (นามสกุลของไฟล์ pdf)
Adobe PostScript (นามสกุลของไฟล์ ps)
Lotus 1-2-3 (นามสกุลของไฟล์ wk1, wk2, wk3, wk4, wk5, wki, wks, wku)
Lotus WordPro (นามสกุลของไฟล์ lwp)
MacWrite (นามสกุลของไฟล์ mw)
Microsoft Excel (นามสกุลของไฟล์ xls)
Microsoft PowerPoint (นามสกุลของไฟล์ ppt)
Microsoft Word (นามสกุลของไฟล์ doc)
Microsoft Works (นามสกุลของไฟล์ wks, wps, wdb)
Microsoft Write (นามสกุลของไฟล์ wri)
Rich Text Format (นามสกุลของไฟล์ rtf)
Text (นามสกุลของไฟล์ ans หรือ txt)
วิธีใช้
filetype:นามสกุลของไฟล์ เช่น “Chrono Cross” filetype:pdf หมายความว่าเอกสารของ Chrono Cross ที่เป็น PDF และมันยังมีความสามารถดูไฟล์เหล่านั้นในรูปแบบของ HTML ได้ (โดยคลิ้ก View as HTML หรือ รูปแบบ HTML ใน Google ไทย)
9. Google สามารถเก็บ Cached ของเว็บที่จะเข้าชมไว้ได้ (โดยคลิ้กที่ Cached หรือ ถูกเก็บไว้ ใน Google ภาษาไทย) ประโยชน์ของมันคือช่วยให้เราสามารถเข้าเว็บบางเว็บที่อาจโดนลบไปแล้ว โดยข้อมูลที่ได้เป็นข้อมูลก่อนถูกลบ (ใหม่สุดที่มันจะมีได้)
10.Google สามารถค้นหาหน้าที่คล้ายกัน (โดยคลิ้ก Similar pages หรือ หน้าที่คล้ายกัน ใน Google ภาษาไทย) โดยจะค้นหาข้อมูลที่คล้ายๆ กันให้เรา เช่น ถ้าเรากำลังหาข้อมูลการวิจัย ความสามารถนี้จะช่วยให้หาข้อมูลได้มากมายในเวลาที่รวดเร็วโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่อง keyword
11.Google สามารถค้นหา link ทั้งหมดที่เชื่อมไปยังเว็บนั้นได้ วิธีใช้ link:ชื่อ URL เช่น link:www.google.com แต่คุณไม่สามารถใช้ความสามารถนี้ร่วมกับการหาแบบอื่นๆ ได้
12.Google สามารถค้นหาเว็บที่จำเพาะเจาะจงได้ โดยพิมพ์ คำที่คุณต้องการเจาะจง site:ชื่อ URL เช่น ถ้าคุณต้องการหาเว็บเกี่ยวกับการเข้า (admission) มหาวิทยาลัย Stanford ให้พิมพ์ admission site:www.stanford.edu
13.ถ้าคุณมีเวลาน้อย (และคิดว่าโชคดี) Google มีบริการการค้นหาด่วน (ชื่อบริการ I’m Feeling Lucky) โดยที่ Google จะนำเว็บที่อยู่ลำดับแรกของการค้นหา ส่งให้คุณเลย (link ไปเว็บนั้นให้เสร็จ) เช่น คุณต้องการค้นหาเว็บมหาวิทยาลัย Stanford อย่างด่วนให้พิมพ์ Stanford แล้วกด I’m Feeling Lucky หรือ ใช่เลย! เจอแน่ๆ ใน Google ไทย
14.Google สามารถหาแผนที่ของสหรัฐอเมริกาได้โดยพิมพ์ ที่อยู่ ชื่อถนน พร้อมด้วยชื่อรัฐ เช่น 165 University Ave Palo Alto CA Google จะจัดการส่งแผนที่คุณภาพสูงมาให้คุณ
15.Google สามารถหาเบอร์โทร (เฉพาะอเมริกา) หรือพิมพ์เบอร์โทรแล้วหาบริษัทได้โดยพิมพ์first name (or first initial), last name, city (state is optional)first name (or first initial), last name, statefirst name (or first initial), last name, area codefirst name (or first initial), last name, zip codephone number, including area codelast name, city, statelast name, zip codeแล้วแต่ว่าคุณจะใช้แบบไหน
16.Google สามารถค้นหา Catalog สินค้าได้ (เข้าไปที่ http://catalogs.google.com/)
17.Google สามารถเก็บข้อมูลลักษณะการใช้ที่คุณต้องการได้โดยเข้าไปที่ Preferences หรือ ตัวเลือก ใน Google ไทย
16 October 2012
เปลี่ยนรหัสผ่านของ phpMyAdmin
หากเราติดตั้ง phpMyAdmin ตามปกติ ที่มาพร้อมกับ Appserver หรือ XAMPP เราอาจกรอกรหัสผ่านของ MySQL เป็นค่าว่างไว้ หรืออาจกรอกรหัสผ่านแบบง่ายๆไว้ ซึ่งถ้าหากเราใช้งาน MySQL คนเดียวบน localhost ก็คงไม่เท่าไรหรอกครับ เนื่องจากคงไม่มีใครมายุ่งกับ MySQL ของเราได้ แต่หากเรากำหนดให้เครื่องของเราเป็น Web Server แล้วละก็ การกำหนดรหัสผ่านจะจำเป็นอย่างยิ่งครับ เนื่องจากทุกคนสามารถเข้าถึง phpMyAdmin หรือ MySQL ของเราจากที่ใดก็ได้ ผมยกตัวอย่าง ใครที่ได้ทำการสร้าง Web Server ไว้ในตอนก่อนหน้า ลองเรียก phpMyAdmin ดู http://demo.dydns.com/phpmyadmin ถ้าสามารถเข้าได้ละก็พึงระลึกไว้เลยว่า ใครๆที่ต่อเน็ตได้ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้เช่นกัน
การตั้งรหัสผ่านของ root ของ MySQL บนวินโดวส์
เข้าเมนู Start->Run พิมพ์ cmd.exe เพื่อเรียกหน้าต่าง Command Prompt (DOS) ครับ
1. พิมพ์ c:\xampp\mysql\bin\mysql -u root mysql กด Enter สำหรับเครื่องที่ไม่เคยตั้งรหัสผ่านมาก่อน ซึ่งจะมีค่าว่างเป็น รหัสผ่านโดยปริยาย (c:\xampp คือ path ของ WebServer ที่ติดตั้งไว้ครับ หากกำหนดไม่เหมือนนี้ให้กำหนดค่านี้ให้ถูกต้องครับ)
2. พิมพ์ SET PASSWORD FOR root@localhost=PASSWORD(’newpassword’); กด Enter สำหรับกำหนดรหัสผ่านใหม่ที่ newpassword
3. ออกจาก mysql โดยการพิมพ์ quit และกด Enter ครับ
หากต้องการเข้า mysql อีกครั้งจะต้องพิมพ์ mysql -u root -p mysql และกด Enter จะมีคำถามถามรหัสผ่าน ก็ให้กรอกรรหัสผ่านที่ตั้งไว้ลงไปครับ
หลังจากที่เรากำหนดรหัสผ่านให้กับ root ของ MySQL แล้ว เราอาจไม่สามารถเข้า phpMyAdmin ได้นะครับ เราจะต้องทำการ config phpMyAdmin ให้ถูกต้องก่อน ถึงจะเข้าได้ครับ
การกำหนด config ให้กับ phpmyAdmin
เปิด C:\xampp\phpMyAdmin\config.inc.php ด้วย Text Editor ดูบรรทัดประมาณนี้
/* Authentication type and info */
$cfg['Servers'][$i]['auth_type'] = 'config';
$cfg['Servers'][$i]['user'] = 'root';
$cfg['Servers'][$i]['password'] = '';
$cfg['Servers'][$i]['extension'] = 'mysql';
ค่าที่เราสามารถกำหนดได้มีดังนี้
$cfg['Servers'][$i]['auth_type'] = 'config';
ค่าที่เป็นไปได้ สำหรับ คำสั่งนี้คือ
1. config เป็นค่า default เหมาะสำหรับการใช้งนบน localhost โดยทั่วไป หากใช้งานค่านี้จะไม่มีการถามรหัสผ่านก่อน แต่หากมีการกำหนดรหัสผ่านของ root อาจจะทำให้ไม่สามารถเข้าใช้ phpMyAdmin ได้
2. http ถ้าใช้ค่านี้ จะต้องLogin ผ่านหน้าต่าง HTTP Authentication เหมาะสำหรับการใช้งานบน Server ทั่วไปที่มีผู้ใช้หลายคน (multi user)
3. cookie ค่านี้จะเหมือนกับ ข้อ 2 คือมีการถามรหัสผ่าน ผ่านหน้าเว็บแบบทั่วๆไป ซึ่งมีข้อแตกต่างที่สามารถจำการ login ผ่าน cookie ได้
$cfg['Servers'][$i]['password'] = '';
ให้กำหนดรหัสผ่านที่ตั้งใหม่ให้กับค่านี้ครับ
/* Authentication type and info */
$cfg['Servers'][$i]['auth_type'] = 'http';
$cfg['Servers'][$i]['user'] = 'root';
$cfg['Servers'][$i]['password'] = 'yourpassword';
$cfg['Servers'][$i]['extension'] = 'mysql';
กำหนด auth_type แบบที่ 2 หรือ 3 และ ใส่รหัสผ่านของคุณแทนที่ yourpassword
หลังจากนี้ให้ restart mysql ใหม่ เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล และทำให้การ login ทุกครั้งต้องผ่านหน้า login ก่อนเสมอ
03 October 2012
Take Ownership ปลดล๊อกโฟร์เดอร์ติดรูปกุญแจ
Take Ownership ปลดล๊อกโฟร์เดอร์ติดรูปกุญแจ
Windows Registry Editor Version 5.00
[HKEY_CLASSES_ROOT\*\shell\runas]
@="Take Ownership"
"NoWorkingDirectory"=""
[HKEY_CLASSES_ROOT\*\shell\runas\command]
@="cmd.exe /c takeown /f \"%1\" && icacls \"%1\" /grant administrators:F"
"IsolatedCommand"="cmd.exe /c takeown /f \"%1\" && icacls \"%1\" /grant administrators:F"
[HKEY_CLASSES_ROOT\Directory\shell\runas]
@="Take Ownership"
"NoWorkingDirectory"=""
[HKEY_CLASSES_ROOT\Directory\shell\runas\command]
@="cmd.exe /c takeown /f \"%1\" /r /d y && icacls \"%1\" /grant administrators:F /t"
"IsolatedCommand"="cmd.exe /c takeown /f \"%1\" /r /d y && icacls \"%1\" /grant administrators:F /t"
ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้ Windows XP หรือ Vista และได้มาใช้ Windows 7 หรือคุณ.ใช้ Windows 7 ร่วมกับ Windows XP และ Vista บ้างครั้งจะพบปัญหาในการใช้ไฟล์หรือโฟลเดอร์จาก ระบบเก่าจะพบการ กำหนดสิทธิหรืออนุญาติ ไม่ให้เข้าปรับเปลี่ยนหรือลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่คุณต้องการ ฉะนั้นคุณต้องจัดการกำหนดสิทธิการใช้ที่เรียกว่า Take Owenership
การทำ Take Ownership ปกติสามารถทำได้โดยผ่านคำสั่งในวินโดวส์แต่มันมีขั้นตอนหลายขั้นตอน และไม่สะดวกเพราะจะทำได้เป็นไฟล์ๆ ทิปนี้จะแนะเอาคำสั่ง Take Ownership มาไว้ที่เมนูคลิกขวา เมื่อคุณคุณเจอไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ป้องกันสิทธิคือคุณไม่สามารถเข้าถึงไฟล์หรือใช้ได้ ก็ให้คลิกขวาที่โฟลเดอร์หรือไฟล์นั้น แล้วเลือกคำสั่ง Take Owenership คุณก็สามารถใช้โฟลเดอร์หรือไฟล์นั้นๆ ได้แล้ว
วิธีทำ
- ให้คุณเปิด Notepad ขึ้นมา แล้วก็อปปี้ Script ข้างล่างมาปะที่ Notepad แล้วเซฟเป็นชื่อ Take Owenership.reg เสร็จแล้วให้ดับเบิลที่ไฟล์นี้ วินโดวส์จะถามยืนยันให้คลิกตอบ Yes และ OK
- รีสตาร์ทเครื่องเพื่อให้เมนูคลิกขวาที่คุณทำเป็นผล
Windows Registry Editor Version 5.00
[HKEY_CLASSES_ROOT\*\shell\runas]
@="Take Ownership"
"NoWorkingDirectory"=""
[HKEY_CLASSES_ROOT\*\shell\runas\command]
@="cmd.exe /c takeown /f \"%1\" && icacls \"%1\" /grant administrators:F"
"IsolatedCommand"="cmd.exe /c takeown /f \"%1\" && icacls \"%1\" /grant administrators:F"
[HKEY_CLASSES_ROOT\Directory\shell\runas]
@="Take Ownership"
"NoWorkingDirectory"=""
[HKEY_CLASSES_ROOT\Directory\shell\runas\command]
@="cmd.exe /c takeown /f \"%1\" /r /d y && icacls \"%1\" /grant administrators:F /t"
"IsolatedCommand"="cmd.exe /c takeown /f \"%1\" /r /d y && icacls \"%1\" /grant administrators:F /t"
Subscribe to:
Posts (Atom)